วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วิธีการหลีกเลี่ยงวัตถุุอันตรายโดยมีขั้นตอนในดังนี้

เลียงๆหรือไม่คิดทีจะไปแตะต้องสร้างความระคายเคืองให้กับทฤษฎี “ดาร์วิน” อย่างที่ “ริชาร์ด มิลตัน” ได้เคยกระทำ หรือกระทั่งพยายามนำ เอาแนวคิดบางอย่างในทฤษฎี“ดาเวิน” ไปอ้างอิงเพื่อค้นหา “กระบวนการ วิวัฒนาการ” หรือ “การวิวัฒนาการก่อนที่จะมีชีวิต” อันหมายถึง กระบวนการเปลี่ยนแปลงตัวเองของสารเคมีอย่างช้าๆ จนทำให้เขาต้อง ตั้งข้อสันนิษฐานถึง “กระบวนการคัดสรรทางธรรมชาติของสารเคมี” กัน  ดักยุง ไปเลยก็แล้วแต่...แต่ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากที่ได้พยายามแยกแยะข้อมูล ทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่เป็นไปอย่างยืดยาวนับเป็นร้อยๆ หน้า สิ่งที่เขา พยายามสะท้อนออกมากสับแสดงให้เห็นถึง “ความจนมุม” ของ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการอธิบายประวิติศาสตร์ความเป็นมาของ “ความมีชีวิต” ที่ตั้งอยู่บนสมมุติฐาน “ความบังเอิญ” อย่างเห็นได้ชัด...ภายใต้ความพยายามที่จะหาข้อสรุป...สิ่งที่ “คาปร้า” ต้องหันไป ให้ความสำคัญในฐานะที่มันอาจจะกลายเป็น “คำตอบ” ที่น่าจะมีความ เป็นไปได้มากที่สุด ก็คือการหันไปหาสิ่งที่อาจทำให้เขาถูกกล่าวหาได้ว่า เป็นพวกที่มี “แนวความคิดประหลาดๆ” หรือมี “แนวคิดที่ไม่เป็น วิทยาศาสตร์” ขึ้นมาก็ไม่แน่...??? นั่นก็คือการหันไปหาทฤษฎีหนึ่ง ที่ถูก นำเสนอขึ้นมาโดยนักชีววิทยา 2 ราย ที่ชื่อว่า “อัมเบอร์โต มาตูรานา” และ “ฟรานซิสโก วาเรลา” ที่เคยถูกเสนอเอาไว้ในช่วงปีค.ศ.1970 นั่นก็คือ ทฤษฎีที่มีการเรียกชื่อกันว่า “ทฤษฎีการรับรู้ซานติอาโก” อันเป็นทฤษฎีที, “คาปร้า” เองก็ยอมรับว่า... “เป็นการนำเสนอในลักษณะแหวกกรอบ ความคิดทางวิทยาศาสตร์” หรือเป็นการ “ก้าวข้ามพ้นทัศนคติของเรอเน่ต์ เดสัคาร์ต” ซึ่งก็คือทัศนคติแบบ “เหตุผลนิยม” และถือเป็นรากฐาน ดั้งเดิมที่ครอบงำวงการวิทยาศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่17มา จนถึงทุกวันนี้...แก่นสาระหลักๆ ของทฤษฎีซานติอาโกที่ “คาปร้า” ได้พยายาม 1ตำนาน...ดารวัน ถายทอดให เหนในหนงสดูขดูง|,ขๆ ใม่ใดมดูะใ รม ากไ ฏๆฦๆรตังข้ดู สังนไงกา?ใหความยอมร้'บถึง “ความมีชีวิต” ที่มันมีอยู่ก่อนหน้าที่ จะเกิด “การวิวัฒนาการของสารเดปี” หรอก่อนหน้า “การวิวัฒนาการ ของการวิวัฒนาทา?'' นันเอง“ความมีชีวิต" ที่ดำรงตัวเองอยู่ในลักษณะของสิ่งที่ไม่ใช่ “สสาร” แต่ ดำรงตัวเองอยู่ในฐานะ “ ไล่ยุง การรับรู” หรอ “สำนึกความรับรู้” (Perception) และ สิ่ง-ที,1ว่านี้นี่เ'อง ที่กลายเป็นตัวการสำคัญในการ “ก่อกำเนิดตัวเอง” (Self- Generation) รวมทั้ง “การดำรงคงอยู่ด้วยตัวเอง” (Self-Perpetuation) จนทำให้ “ชีวิต” ปรากฏตัวขึ้นมา...ในคำสรุปของ “คาปร้า” บอกเอาไว้ว่า...“ทฤษฎีซานติอาโกก็คือ การมองเห็นว่า..การรับรู้...หรือกระบวนการแห่งการรับรู้กับกระบวนการ แห่งชีวิตนั้น...เป็นกระบวนการเดียวกัน” ซึ่งหมายถึงก่อนหน้าที่จะเกิด “วิวัฒนาการทางเคมีอย่างช้าๆ” นั้น... “ความมีชีวิต” ได้ปรากฏตัวอยู่ ก่อนหน้านั้นแล้วในลักษณะของ “การรับรู้” และได้ทำหน้าที่อยู่เบื้องหลัง กระบวนการวิวัฒนาการในเวลาต่อมา กระบวนการเช่นนี้นี่เองที่สามารถ สร้างเครือข่ายอันสลับซับช้อนของสารเคมีต่างๆ ให้กลายมาเป็น... “เซลล์” อันเป็นสิงมหัศจรรย์เกินกว่าที่จะใช้แนวคิดแบบ “เหตุผลนิยม” ที่ยึดมั่น อยู่แต่เฉพาะ “ความจริงทางสสาร” ไปให้คำตอบคำอธิบายกันได้ง่ายๆ ...ซึ่งว่าไปแล้ว...การนำเอาสิ่งที่เรียกว่า“การรับรู้” หรือ“กระบวนการ แห่งการรับรู้” มาเป็น “จุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดชีวิต” หรือเป็น “อัน หนึ่งอันเดียวกันกับกระบวนการสร้างชีวิต” ขึ้นมาตั้งแต่เบื้องแรก ก็คงไม่  กำจัดยุง ได้ต่างอะไรไปจากการย้อนกลับไปนำเอาสิ่งที่ถูกเรียกขานกันว่า“วิญญาณ” หรือ “จิต” อันเป็นสิ่งที่เคยถูกชาวกริกแยกออกไปจาก “ความรู้และ วิทยาการ” ต่างๆ มาตั้งแต่เมื่อหลายพันปีที่แล้ว นำกลับมารวมกับ “ความ รู้และวิทยาการ” อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง ตังที่ “คาปร้า” ได้ขยายความเอาไว้ว่า

เครื่องดักยุง

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การนั่งสมาธิทำให้จิตใจสงบเรียบเสมือนห่วงยางเล่นน้ำในสระเช่นเดียวกัน

จิตพาไปถ้าจะให้เปรียบเปรย...จิตใจคนเราก็เปรียบเสมือนนํ้าทะเล ที่ทั้งกว้าง ใหญ่ ลึก เยือก เย็น และน่ากลัว วันไหนท้องทะเลสงบเงียบท่ามกลางแสงแดดลันอบอุ่น จะดูสวยงามน่าหลงใหล หากวันไหนท้องทะเลเต็มไปด้วยหมู่มวลคลื่น  ห่วงยางเด็ก ที่พร้อมใจกันสาดซัดอย่างเต็มแรง วันนั้นคงน่าสะพรึงกลัวจิต1ใจคนเราก็มืทั้งด้านสวยงามและด้านน่ากลัว ขึ้นอยู่กับว่าเรา จะเลือกอยู่ในด้านไหน ข่าวฆาตกรรมที่ลงบนหน้าหนังสือพิมพ์ หรือ ในอินเตอร์เน็ต เช่น ฆ่าหั่นศพ ฆ่าข่มขืน ยิงทั้งคู่อริ เผานั่งยาง ฯลฯ ทุกคดีล้วนมีสาระสำคัญอยู่ที่ความเหี้ยมโหดของผู้ที่กระทำคนเราเมื่อมีความไม่พอใจ โกรธ โมโห ฉุนเฉียว มี'กจะระงับ อารมณ์ไม่ได้ จึงแสดงออกมา อาจจะทางสีหน้า แววตา ท่าทาง หรือ คำพูด ซึ่งการกระทำนี้เป็นลักษณะของ “จิตพาไป” คนที่มีจิตใจดุร้าย โหดเหี้ยม แสดงว่าจิตนั้นไม่ได้รับการกล่อมเกลาหรือ?เกฝนที่ดี ไม่ได้ มีสติที่จะฉุกคิด ฆ่าไปแล้วจะได้อะไร ท้าไปแล้วจะเป็นสุขหรือว่าทุกข์ แต่ที่แน่ๆ การฆ่าคนจะเป็นบาปติดตัวสัตว์เลี้ยงร่วมโลกกับเรา มีมากมายที่ได้ร้บการแก แกให้ทำ ตามคำสั่ง ไม่ว่าจะเป็น สุนัข ช้าง ม้า ลิง แมวนํ้า หรืออื่นๆ ว่าแล้วก็ ขอยกตัวอย่าง เจ้าแมวนํ้าแสนน่ารักเพราะการ71กฝนทำให้มันเรียนรู้ว่า ห่วงยางแฟนซี  หากทำตามคำ สั่ง ก็จะได้ปลามาเคี้ยวอร่อยเล่นอยู่ในท้องเช่นกัน จิตใจคนก็ไม่ต่างอะไรไปจากเจ้าแมวนํ้า หากได้รับการ แกที่ดี แก,ในที่นี้หมายถึงการก็กให้จิตมีสติ สมาธิ ผลที่ออกมาไมว่า จะจากความคิดหรือการกระทำ ก็จะส่งผลดีมาก กว่าผลร้าย เพราะเราคิดและทำอย่างมีสติเป็นการดีถ้าเราจะมองเรื่องการแกสมาธิ เป็นกิจกรรมที่ต้องให้ ความเคยชิน เท่ากับว่าเป็นการทำความคุ้นเคยกับความสุขสงบ และ ห่างไกลจากความวุ่นวาย สับสนมีสติ'มีรอยยิ้มมีสมาธิมีปัญญา มีความสุข มีความสำเร็จ โทรศ้พฑ์    แนวการปฏิบัติ แนวสติปัฏฐาน 4 เจริญสติอย่างต่อเนื่อง ตาม แนวพระธีรราชมหามุนี วัดมหาธาตุ สถานที่เป็นตึกใหม่ทันสมัยหลายหลัง โดยทั่วไปการอบรมใช้ เวลา 8 วัน 7 คืน4. สวนโมกขพลาราม68 หมู่ 6 ตำบลเลม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84110 วิปัสสนาจารย์ ท่านพุทธทาสภิกขุ แนวการปฏิบัติ อานาปานสติภาวนา5. วัดปาสุนันทวรารามที่อยู่    บ้านลิ่นถิ่น ตำบลท่าเตียน  แพยางสูบลม อำเภอไทรโยคจังหวัดกาญจนบุรีวิปัสสนาจารย์ พระอาจารย์มิดชูโอะ คเวสโกมีสติ มีรอยยิ้ม มีสมาริมีปัญญา มีความสุข มีความสำเร็จ สฉานที่ปฏิบัติมีหลายแห่ง คือ1.    ศาลาปฏิบัติธรรม เป็นห้องมุ้งลวด2.    3.    ศูนย์สมาธิวิริยานุภาพ มี 80 ห้องพัก ทุกห้องมีเครื่องปรับ อากาศ4.    ห้องสำหรับทำสมาธิ5.    สถานปฏิบัติธรรม จ. เชียงราย6.    สำนักสงฆ์นํ้าตกแม่กลาง2. วัดอัมพวันที่อยู่    53บ้านอัมพว้นถนนเอเชีย กม.130 หมู่ที่

ห่วงยางเล่นน้ำ

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การคิดวิเคราะห์และหลักการคำนวนสูตรคณิตศาตร์

แท่งที่ไม่มีช็อกโกแลตผสมอยู่เลย (งง) ก็คือ หลอก'นักคืกษา'ว่าเป็น'ช็อกโกแลต แต่ความจริงไม่ใช่ช็อกโกแลตค่ะ กับนักคืกษาอีกกลุ่มหนึ่ง ที่ให้รับประทาน ช็อกโกแลตแบบแท่งเหมือนกัน แต่เป็นช็อกโกแลตจริงๆ  ดักฟังไร้สาย และมีปริมาณช็อก โกแลตมากถึงเกือบ 9 เท่าเมื่อเทียบกับช็อกโกแลตธรรมดาผลการทดลองออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ ไม่มีความแตกต่างใดๆ เกิดขึ้น ระหว่างกลุ่มนักคืกษาทั้ง 2 กลุ่ม ในเรื่องของสิวเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นไงล่ะ คุณแฮงค์ รู้หรือยังล่ะเพราะฉะนั้นทำความเข้าใจกันใหม่นะคะ ช็อกโกแลตไม่ได้ทำให้เราเป็นสิวได้ แต่ ความเครียดและการเปลี่ยนแปลของฮอร์โมนต่างหากที่เป็นตัวการสำคัญ ของสิวที่ไม่มีใครอยากให้มันมาปรากฏอยู่บนใบหน้า เพราะนอกจากจะทำให้ ความสวยลดลงแล้ว ยังบั่นทอนความมั่นใจของเราไปเยอะเลยค่ะ เพราะ วิสัชนาเคยสัมผัสกับความรู้สึกนี้มาแล้วหลาครั้งเลยค่ะ เพิ่งเริ่มเป็นสาวก็ แบบนี้ล่ะค่ะ สิวก็เลยขึ้นเป็นเรื่องปกติ??ไม่เพียงแต่ช็อกโกแลตเท่านั้นนะคะที่ไม่ทำให้เป็นสิว อาหารมันๆ ทั้ง หลายที่บางคนคิดว่าทานแล้วจะเป็นสิว ก็ไม่เกี่ยวด้วยเช่นกันค่ะ อย่าง เฟรนช์ฟรายด์ ไก่ทอด มันฝรั่ง หรือหนังหมู รับประทานได้ค่ะ ไม่ต้องกลัวสิว แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าสิวก็คือ ดักฟังเคลื่อนที่  ความอ้วนนั่นเองค่ะ นมอุ่นช่วยหลับนณ็ป็นอีกคำถามหนึ่งที่คุณแฮงค์อยากรู้อยากเห็นอยากเป็นแต่ไม่อยาก เมาแล้ว เนื่องจากเคยได้ยินมาว่า ดื่มนมอุ่นๆ แล้วจะช่วยให้นอนหลับได้ง่าย และสบายขึ้น เพราะตัวเองเป็นโรคนอนไม่หลับ เลยต้องอาศัยแอลกอฮอล์เป็น ตัวช่วยเกือบทุกคืน แต่ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากตกเป็นทาสของแอลกอฮอล์ อีกต่อไป เพราะนอกจากจะสิ้นเปลืองแล้ว ยังไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพอีกด้วย ดีมากเลยคุณแฮงค์ที่คิดแบบนื้ได้วิสัชนาอยากช่วยค่ะให้คุณแฮงค์ได้หลุดพ้นจากการตกเป็นทาสของ แอลกอฮอล์ อย่างน้อยก็คิดว่าเป็นการช่วยให้ชายไม่หล่อคนหนึ่งที่กำลังหลงเาญกากวแอบ จาก  เฟซบุ๊คทาง หาทางกลับบ้านได้ก็ไม่เสียหายนะคะ ใช่มั้ยคุณแฮงค์แต่ว่าวิสัชนาอาจช่วยได้ไม่มากนะคุณแฮงค์ เพราะมันไม่มีคำตอบ ชัดเจน และเท่าที่ทราบมา ก็ยังไม่มีงานวิจัยชิ้นไหนปรากฏให้เห็นอย่างเด่น ชัดถึงบทบาทของนมว่าเป็นตัวช่วยให้คนเรานอนหลับได้จริงหรือไม่จริงๆ แล้ว นมเป็นตัวเลือกที่ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับการรับประทานยานอนหลับ เนื่องจาก ต้องมีใบลังจากแพทย์เท่านั้นจึงจะชื้อได้ การดื่มนมอุ่นๆ ในปริมาณมากๆ อาจช่วยให้เราๆ ท่านๆ หลับได้ง่ายขึ้นเท่านั้นมีทฤษฎีอยู่หลายทฤษฎีที่พอจะช่วยสนับสนุนได้ว่า นมอุ่นๆ ช่วยให้ หลับง่ายขึ้นได้อย่างไร นั่นคือ นมมีส่วนผสมของ tryptophan ซึ่งเป็นส่วน ผสมที่ช่วยให้เรารู้สึกง่วงนอนได้ คุณแฮงค์ ตื่นตื่น อย่าเพิ่งหลับความอุ่นของนมจะมึผลต่ออุณหภูมิของร่างกายในระด้บ ที่ไม่มากนัก และบางครั้งนมอุ่นๆ ก็ช่วยให้เรานอนหล้บได้ง่าย ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยนอกจากนี้ นมยังมีส่วนผสมของ melatomin ซึ่งเป็นสารที่เป็นตัวช่วย ให้นอนหลับอย่างธรรมชาติ เคยมีบริษัทนมแห่งหนึ่งในอังกฤษ ออกมาขาย นมวัวตอนกลางคืนเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่สาร melatomin  วิธีดักฟัง ที่อยู่ในนมวัว นั้นจะมีปริมาณมากกว่าในช่วงกลางวัน เลยท่าให้นมกลายเป็นสินค้าที่ออก วางจำหน่ายในฐานะเป็นตัวช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นไปชะแล้วจะจริงหรือไม่จริงนั้น วิสัชนาเองก็ยังไม่เคยทดลองด้วยตัวเองเหมือน กัน เพราะดื่มแต่นมที่ไม่อุ่น แต่ปกติเป็นคนหลับง่ายอยู่แล้ว เลยไม่ได้คุณแฮอค์ ปุจฉา จากท้องได้ค่ะ ที่ สำคัญไม่ต้องรอให้นอนไม่หลับแล้วค่อยดื่มนะคะ ถ้าสามารถดื่มเป็นปกติได้ ทุกวันก็จะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ ที่อยู่ในวัยเจริญ เติบโต คุณแฮงค์ด้วยนะ กลับตัวกลับใจหันมาดื่มนมแทนเหล้าแทนเบียร์แทน ไวน์เถอะ  จาก  เฟซบุ๊ค

เครื่องดักฟัง

กินน้ำอสุจิแล้วเพิ่มพลังจริงหรือไม่

เรองนี้เป็นความอยากรู้ของคุณแฮงค์ที่ไปเลี้ยงฉลองวันเกิดเพื่อนสนิท แล้วติดลม ดื่มเยอะไปหน่อย อยู่ดีดีก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา คงอยากรู้มานานแล้ว แต่ไม่กล้าถามเพราะไม่เมานั่นเองเชื่อว่าต้องมีผู้หญิงหลายๆ คนอยากรู้เรื่องนี้เหมือนกันอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องลามกนะคะ  บาร์โหนเพิ่มพลัง ขอบอกไว้ก่อน เพราะหากคิดให้ลึกและซึ้งกับความ เชื่อที่ว่า นํ้าอสุจิฃองผู้ชายมีโปรตีนที่ทำให้ผิวพรรณสาวๆ ประเภทใจกล้า และใจถึง กลืนกินเข้าไป สดใสผุดผ่องได้ มันก็น่าสนใจนะคะว่าจริงหรือไม่ เผื่อสาวๆ ที่อยากผิวสวยใส จะลองเอาวิธีนี้!ปใซได้ (แต่ไม่แนะนำอย่างจริงคุณแองค์ ปุจอา จังนะคะ เพราะของแบบนี้ ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ ค่ะ เห็นด้วยมัยคะ)เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วในฐานะผู้บริโภคว่า ใครรับประทานอะไร ก็จะได้ อย่างนั้น ซึ่งอาจมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็ได้ ใครเลือกรับ ประทานอาหารมีประโยชน์ก็ได้ผลกลับมาเป็นสุขภาพที่ดี ใครรับประทาน อาหารไม่มีประโยชน์ ก็ต้องทนรับกับสภาพร่างกายที่อาจไม่แข็งแรงสมบูรณ์ ในอนาคตแล้วนํ้าอสุจิจะมีประโยชน์หรือไม่นั้น จริงๆ แล้วมันไม่ได้มีผลต่อสุขภาพ เท่าไหร่หรอกค่ะแต่ประโยชน์ก็คือนั้าอสุจิมีส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับยีนใน โครโมโซมของร่างกายที่ถือว่าสำคัญระดับหนึ่ง บาร์โหนติดประตู แต่ยํ้านะคะว่า ถึงแม้จะมีส่วน ประกอบสำคัญก็จริง แต่ก็ไม่ได้ช่วยบำรุงกำลังหรือทำให้ร่างกายแข็งแรงไป ชะทั้งหมดหรอกค่ะนํ้าอสุจิที่พุ่งออกมาในปริมาณโดยเฉลี่ยที่ 1 ช้อนชา จะมีตัวอสุจิอยู่'ใน นั้นประมาณ 200 หรือ 300 ล้านตัว ซึ่งให้ปริมาณแคลอรืทั้งหมดประมาณ 5 แคลอรื โดยแคลอรืดังกล่าวได้มาจากโปรตีน รวมทั้งเอนไซม์ และนํ้าตาล (ส่วนใหญ่เป็นฟรัคโตส) ที่อยู่ในนํ้าอสุจิโดยมาจากต่อมลูกหมากที่ฃับนํ้าอสุจิ ออกมา ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้นั่นเองที่ทำให้ตัวอสุจิมีเรี่ยวแรงในการแหวก ว่ายไปมานอกจากนี้ นํ้าอสุจิยังมีส่วนประกอบดีๆ อื่นๆ อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นนํ้า วิตามินซี กรดชิตริก เกลือฟอสเฟต ไบคาร์บอเนต สังกะสี และ (สารเคมีที่คล้ายฮอร์โมน พบในเนื้อเยื่อคนและสัตว์ ซึ่งใช้ รักษาโรคหัวใจและโรคไตได้) ขอบอกอีกนิดนึงว่า เครื่องดืมชนิด'น!ม่มีจำหน่ายตามท้องตลาดท้วไป ไม'ใช่สิ ถ้าคุณผู้หญิงคนไหนกินนํ้าอสุจิของผู้ชายที่เป็นกามโรคเข้าไปละก็ ระวัง นะคะมันจะทำให้คุณติดกามโรคที่ช่องคอไปด้วย น่ากลัว น่ากลัวประกาศเตือนระดับกลางะไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 ครั้ง นอกเรื่องอีกแล้วเรา ก่อนจะบริโภคเข้าไป ก็ดูซ้ายดูขวาให้ดีนะคะ (ว่ามีคนเห็นหรือเปล่า) เพราะความสุขอาจนำมาซึ่งความ ทุกข์ได้ค่ะ หรือที่เค้าพูดกันว่า รักสนุกทุกข์ถนัดนั่นเองค่ะ คนป่วยมีเซ็กซ์ไถ้มยหนอ บาร์โหนอุปกรณ์ออกกำลัง
ถามจริงเถอะแกเคยสงสัยม้ายว่าคนที่เดินไม่ได้เค้ามีอะรายกับแฟนได้ปล่าว ฉันมะด้ายทะลึ่งนะแก แต่ฉันแค่อยากรู้เฉยๆ แกพอจะรู้ม้ายอะ” คุณ แฮงค์ถามเพื่อนฉิง (2 เพศในร่างเดียว)“ฉันจะไปเได้ไงล่ะ ยะ ก็ฉันยังเดินอยู่กับแก ฉันไม่เคยพิการนี่นา แก นี่ก็ถามอะไรแปลกๆ คิดนานมั้ยยะเนี่ย ถ้าอยากรู้ก็ลองทำให้ขาเดินไม่ได้ ดูสิ จะได้รู้คำตอบด้วยตัวแกเองเลย”คำถามนี้ อาจออกแนวทะลึ่งมากไปหน่อยในความคิดของใครบางคน แต่เชื่อเถอะว่า มีหลายคนต้องเคยสงสัยเหมือนกับคุณแฮงค์อย่างแน่นอนว่า แฮงค์

บาร์โหน